Posts Tagged With: พฤติกรรมซ้ำซาก

80ปีประชาธิปไตยไม่เดินหน้า-เหตุในอดีต-ปัจจุบันและทางสู่อนาคต

เพราะอดีต คนไทยมีพฤติกรรมซ้ำซาก ได้แก่ ทหารทำรัฐประหาร ตุลาการรับลูก นักวิชาบริกรขยายผล ประชาชนคล้อยตาม ไม่ใช่หรือ

การทำรัฐประหารนั้นผิดกฎหมายตั้งแต่ต้น มีการทำซ้ำหลายครั้ง พร้อมบังคับให้ยอมรับว่าชอบด้วยกฎหมาย ด้วยอำนาจนอกกฎหมาย ไม่ใช่ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย  กฎหรือหลักของกฎหมาย ตามที่เรียกเป็นสากลว่านิติธรรม

ในขณะเดียวกันศาลใช้ประกาศและคำสั่งคณะรัฐประหารตัดสินคดี อีกทั้งมีคำสอนแพร่หลายในระดับมหาวิทยาลัย ว่ารัฐประหารเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ประหนึ่งทฤษฎีการเมืองการปกครองของไทยโดยเฉพาะมาช้านาน ประชาชนจึงคล้อยตามอย่างกว้างขวาง

ดังจะเห็นว่า เมื่อเกิดวิกฤตทางการเมือง คนมีความรู้สูงๆหลายคนและประชาชนบางคนบางกลุ่มจะออกมาเรียกร้องรัฐประหาร และรัฐประหารที่ทำความเสียหายย่อยยับที่สุดให้แก่ประเทศไทย ลบสถิติความเสียหายอันเกิดจากรัฐประหารครั้งก่อนๆทุกครั้ง ก็เกิดขึ้นเมื่อ19กันยายน2549

ส่วนปัจจุบัน เกิดวิกฤตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถึงกับมีประชาชนจำนวนมากลงชื่อถอดถอนตุลาการส่วนใหญ่ของศาลนี้

โดยวิกฤตการเมืองในขณะนี้ ทหารไม่เห็นด้วยที่จะแก้ด้วยวิธีเดิม เพราะรู้ดีว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย แก้วิกฤตไม่ได้ แต่จะทำให้วิกฤตรุนแรงยิ่งขึ้น ความเสียหายจะใหญ่หลวงจนไม่อาจประเมินค่า และที่สำคัญคือเสียเกียรติภูมิของประเทศ

แต่ศาลรัฐธรรมนูญทำผิดรัฐธรรมนูญ2550มาตรา68เสียเอง ในขณะที่นักวิชาบริกรบางส่วนพยายามเปลี่ยนท่าทีเป็นนักวิชาการ ประชาชนจำนวนมากต่อต้านรัฐประหารและศาลรัฐธรรมนูญ แต่น่าเสียดายที่ศาลรัฐธรรมนูญยืนกระต่ายขาเดียว ไม่ยอมแก้ไขคำสั่งที่ให้รัฐสภาเลื่อนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ2550วาระสาม เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญบัญญัติกฎหมายใช้เอง โดยไม่มีนิติธรรมเป็นรากฐานแม้แต่น้อย

แม้นักรัฐศาสตร์ นักนิติศาสตร์ นักกฎหมาย และนักวิชาการสาขาอื่นๆจำนวนมาก ออกมาให้ความเห็นโต้แย้งในทิศทางเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่รับฟัง ทั้งๆที่รู้ว่ากฎหมายลายลักษณ์อักษรสำหรับประเทศประชาธิปไตยนั้น ถือเป็นกฎหมายโดยประชาชนกับนักวิชาการ ในขณะที่กฎหมายจารีตประเพณีในประเทศประชาธิปไตยถือเป็นกฎหมายโดยประชาชนกับตุลาการ แต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกลับถือว่ากฎหมายลายลักษณ์อักษรในประเทศไทยเป็นกฎหมายโดยตุลาการเท่านั้น ก็ถูกต้องแล้วที่ประชาชนคนไทยมีความเห็นตรงกันอย่างกว้างขวางว่า ไม่เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริงเลยในประเทศนี้

นอกจากนั้น ประชาชนจำนวนมหาศาลผู้สนใจการเมืองการปกครองก็มีความเข้าใจเรื่องนี้ ต่างออกมายืนยันว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญ แทรกแซงอำนาจหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐสภาและรัฐบาล โดยบังเอิญไปเข้าทางฝ่ายต่อต้านการดำเนินไปสู่การสถาปนารัฐธรรมนูญประชาธิปไตยหรือไม่ เห็นชัดกันทั่วไปแล้ว การลงชื่อกันเป็นจำนวนมหาศาลเพื่อถอดถอนตุลาการส่วนใหญ่ในศาลรัฐธรรมนูญจึงเกิดขึ้น

ในขณะเดียวกัน มีการคาดเดากันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตรงข้ามกับความจริง ทำให้คาดเดากันต่อไปว่าอาจเกิดปฏิวัติประชาชน (People’s Revolution) ขึ้นในประเทศไทย บ้านเมืองคงจะวุ่นวายเป็นแน่ แต่ถึงแม้จะวินิจฉัยตรงกับความจริง และการสถาปนารัฐธรรมนูญประชาธิปไตยดำเนินต่อไปได้ ก็สายเกินไปที่จะเรียกศรัทธาที่ประชาชนเคยมีต่อตุลาการกลับคืนมา เหมือนปลาหลายตัวในข้องเดียวกัน ตายเน่าตัวเดียว เอาออกไม่ทัน เหม็นทั้งข้อง ยังจะมีสักกี่คนเสี่ยงซื้อปลาที่เหลือ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะประชาชนจะได้รู้จักหันหน้ามาพูดจาประนีประนอมและตกลงกันเองเพิ่มขึ้นบ้าง

ดังนั้นในอนาคตจึงมีความชัดเจนว่า การปฏิรูประบบตุลาการและกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ รวมถึงการปฏิรูประบบการศึกษาและการฝึกอบรมบุคลากรด้านกฎหมาย เพื่อขจัดวิธีคิดเยี่ยงศรีธนญชัยให้หมดไปจากแผ่นดินไทย ควบคู่ไปกับการสถาปนารัฐธรรมนูญประชาธิปไตยที่แท้จริงให้สำเร็จ ล้วนเป็นความจำเป็นเร่งด่วน หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีผลต่อคนไทยทุกคน ในการผนึกกำลังกันช่วยประเทศให้อยู่ในระดับแกนนำของอาเซียนให้ได้เป็นอย่างน้อย

รศ.พรชัย รัศมีแพทย์…….ผู้เขียน

Categories: การเมือง | ป้ายกำกับ: , , , , , , , , , , , , , , , , , | ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .